เมื่อมีเหตุจำเป็นจะต้องแปลงทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างที่ดินเป็นเงินสด เจ้าของที่บางทีอาจจำเป็นต้องนั่งคัดเลือกตัวเลือกว่าจะทำเช่นไรกับที่ดินที่มีอยู่นี้เพื่อได้เงินที่คุ้มแล้วก็เร็วที่สุด จะขายที่ดินก็ยังไม่ได้อยากขายขาด จะจำนำที่ดินก็ได้วงเงินที่ไม่เพียงพอน้อยเกินไปกับกิจกรรมที่ใช้ การขายฝากที่ดินก็เลยเปลี่ยนเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าดึงดูด
การขายฝากที่ดิน แม้ว่าจะเป็นการขายเหมือนกันกับวิธีขายอสังหาริมทรัพย์อื่นๆแม้กระนั้นมันพิเศษได้ด้วยกติกาที่เอื้อให้ผู้ขายฝากสามารถนำเงินมาไถ่ถอนที่ดินที่ขายไปในราคาแล้วก็ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ของสัญญา มาทำความรู้จักกันว่าการขายฝากที่ดินอันที่จริงแล้ว มีเนื้อหายังไง จำต้องเตรียมพร้อมยังไง และก็ผู้ขายฝากจำต้องเสียภาษีอากรแบบไหนบ้าง
ขายฝากที่ดินคืออะไร ต่างจากการขายที่ดินอย่างไร
ขายฝากที่ดิน เป็นการทำสัญญาขายที่ดินระหว่างผู้ขายฝากแล้วก็ผู้รับซื้อฝากในสำนักงานที่ดินซึ่งๆหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่กรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้รับซื้อฝากที่ดินอย่างฉับพลันที่ทำสัญญาเสร็จ สัญญาขายฝากจะต่างจากวิธีขายทั่วๆไปด้วยข้อแม้ที่ว่าผู้ขายฝากสามารถมาไถ่ที่ดินคืนได้ภายในช่วงเวลาที่สัญญาขายฝากเจาะจงไว้ โดยที่ช่วงเวลาสำหรับการไถ่นั้น คู่สัญญาสามารถทำข้อตกลงเลื่อนเวลาการไถ่ออกได้มากถึง 10 ปีนับจากวันทำสัญญา
ขั้นตอนของการขายฝากที่ดิน
สำหรับในการขายฝากที่ดิน คู่สัญญา ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ขายฝากแล้วก็ผู้รับซื้อฝาก จำเป็นต้องไปยื่นคำขอแล้วก็สอบสวน แล้วก็จดทะเบียนวิธีการทำสัญญาขายฝากต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่ดินจังหวัด สาขา หรืออำเภอที่ที่ดินตั้งอยู่
- ติดต่อที่สำนักงานที่ดินเพื่อขอเขียนทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการขายฝากที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กับนำหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไปด้วย สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน ให้ยื่นตามคำร้องขอ ท.ด.1 แล้วก็ที่ดินที่ยังไม่มีโฉนดที่ดิน ให้ยื่นคำขอ ท.ด. 1 ก
- พนักงานเจ้าหน้าที่จะสอบสวนผู้ยื่นคำขอ เพื่อตรวจดูสิทธิความรู้ความเข้าใจของคู่สัญญา สำรวจกฎเกณฑ์ต่างๆโดยชอบด้วยกฎหมาย สิทธิในที่ดิน ระบุราคาทุนทรัพย์สำหรับเพื่อการจดทะเบียน รวมทั้งระบุปริมาณสินไถ่เป็นจำนวนเงินกระจ่าง
- พนักงานเจ้าหน้าที่จะบันทึกถ้อยคำของคู่สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร รวมทั้งให้ทั้งสองฝ่ายลงนามไว้ข้างหลังสัญญาทุกฉบับว่าผู้ขายฝากแล้วก็ผู้รับซื้อฝากได้รับรู้หลักเกณฑ์การขายฝากที่ดินดังที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งไว้
- พนักงานเจ้าหน้าที่จะกำหนดเวลาขายฝาก รวมทั้งเวลาไถ่คืนที่ดิน โดยไม่น้อยกว่า 1 ปี แต่ว่าไม่เกิน 10 ปี ดังเช่นว่า ทำสัญญาขายฝากมีระบุ 1 ปี ตอนวันที่ 4 มี.ค. 2562 สัญญาก็จะถึงกำหนดวันที่ 4 มี.ค. 2563
- พนักงานเจ้าหน้าที่จะจดทะเบียนจำพวกของแนวทางการขายฝากตามคำร้องขอที่ยื่นไว้
- คู่สัญญาเขียนคำร้องขอเขียนทะเบียนสิทธิและนิติกรรม แล้วทำหนังสือสัญญา รวมทั้งจดทะเบียน โดยทำหนังสือสัญญาควรจะมีรายการข้อมูลดังนี้ ชื่อแล้วก็ที่อยู่ของคู่สัญญา รายการแล้วก็ลักษณะทรัพย์สินที่ขายฝาก ราคาขายฝาก ปริมาณสินไถ่ วันที่ขายฝาก รวมทั้งวันถึงกำหนดไถ่
- ข้าราชการทำหนังสือสัญญา 3 ฉบับ เพื่อที่สำนักงานที่ดินเก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้ขายฝาก 1 ฉบับ แล้วก็ผู้รับซื้อฝากอีก 1 ฉบับ
- พนักงานเจ้าหน้าที่แก้ทะเบียนในสารบัญจดทะเบียน
- คู่สัญญาลงชื่อในคำร้องขอเขียนทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และก็หนังสือสัญญา หรือพิมพ์ลายนิ้วมือถ้าหากไม่สามารถที่จะลงนามได้
- กรรมสิทธิ์จะเป็นของผู้รับซื้อฝากในทันที ผู้ขายฝากก็จะได้เงินจากวิธีขายฝาก และก็จะต้องจ่ายค่าดอกทุกเดือนจากที่สัญญากำหนดไว้ จวบจนกระทั่งจะครบสัญญาไถ่
ประเภทการจดทะเบียนในการขายฝาก
ประเภท | คำอธิบาย |
ขายฝาก มีกำหนด… ปี | ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นมาจดทะเบียนขายฝากที่ดินทั้งแปลง |
ขายฝากเฉพาะส่วน มีกำหนด… ปี
| ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นมาจดทะเบียนขายฝากที่ดินเฉพาะแปลง |
ไถ่จากขายฝาก/ขายฝากเฉพาะส่วน | ผู้ที่ขายฝากมาใช้สิทธิไถ่ขายฝากภายในระยะเวลาในสัญญา |
แบ่งไถ่จากขายฝาก | ผู้ที่ขายฝากมาไถ่ขายฝากที่ดินไปบางแปลง โดยยังมีแปลงที่ยังคงสถานะขายฝากอยู่ |
โอนสิทธิการไถ่จากขายฝาก/ขายฝากเฉพาะส่วน | ผู้ขายฝากต้องการโอนสิทธิการไถ่ให้บุคคลอื่น ผู้รับซื้อฝากรับทราบและให้ถ้อยคำยินยอม |
ปลดเงื่อนไขการไถ่จากขายฝาก/ขายฝากเฉพาะส่วน | ผู้ขายฝากขอสละสิทธิการไถ่จากขายฝาก และตกลงกันแล้วระหว่างผู้รับซื้อฝากในขณะที่สัญญายังไม่ถึงกำหนด |
โอนมรดกสิทธิการไถ่ | ผู้ขายฝากเสียชีวิตระหว่างที่สัญญายังไม่ครบกำหนดไถ่ และสิทธิการไถ่ตกไปยังทายาทของผู้ขายฝาก |
ระงับสิทธิการไถ่ (หนี้เกลื่อนกลืนกัน)
| ผู้มีสิทธิการไถ่ (ผู้ขายฝาก) และผู้รับการไถ่ (ผู้รับซื้อฝาก) ตกมาเป็นบุคคลเดียวกัน หนี้ที่ขายฝากระงับสิ้นไป |
ขยายกำหนดเวลาไถ่จากขายฝาก ครั้งที่… | ผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝากตกลงขยายเวลาไถ่จากที่กำหนด (รวมแล้วต้องไม่เกิน 10 ปี นับจากวันทำสัญญา) |
แบ่งแยกในนามเดิม (ระหว่างขายฝาก) หรือ แบ่งกรรมสิทธิ์รวม (ระหว่างขายฝากเฉพาะส่วน) | ทำในกรณีที่ผู้รับซื้อฝากต้องการแบ่งแยกที่ดินออกจากกันหลังจากที่มีการจดทะเบียนขายฝากที่ดินแล้ว |
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมขายฝากที่ดิน
สำหรับการขายฝาก กรมที่ดินกำหนดให้ผู้ที่ทำรายการเสียค่าใช้จ่ายเป็น 4 รายการสำคัญๆซึ่งแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนขายฝาก ภาษีรายได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ แล้วก็อากรแสตมป์ โดยทางกรมที่ดินบางทีอาจคิดค่าสำหรับบริการสำหรับการทำแต่ละรายการต่างกันออกไปตามชนิดที่ผู้ขายฝากจดทะเบียน และก็ยังมีกฎระเบียบบางข้อที่ผู้ขายฝากควรจะไต่ถามกับข้าราชการที่สำนักงานที่ดินก่อน เพื่อแนวทางการขายฝากเป็นไปอย่างสะดวก
ค่าธรรมเนียม
การเก็บค่าธรรมเนียมในการขายฝากที่ดินแบ่งออกตามการจดทะเบียน 2 ประเภท ดังนี้
- การจดทะเบียนประเภทมีทุนทรัพย์ คิดอัตราร้อยละ 2 ของราคาประเมินทรัพย์
- ขายฝาก
- โอนสิทธิการไถ่จากขายฝาก
- การจดทะเบียนประเภทไม่มีทุนทรัพย์ มีค่าธรรมเนียม 50 บาท
- ไถ่จากขายฝาก
- แบ่งไถ่จากขายฝาก
- โอนมรดกสิทธิการไถ่
- ปลดเงื่อนไขการไถ่จากขายฝาก
- ระงับสิทธิการไถ่ (หนี้เกลื่อนกลืนกัน)
- ขยายกำหนดเวลาไถ่จากขายฝาก
ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย
เรียกเก็บเป็นเงินเหมือนกันกับแนวทางการขายทั่วๆไป มีข้อพึงกระทำจากที่หนังสือกรมสรรพากรกำหนดไว้ ซึ่งอัตราจะไม่เหมือนกันไปตามชนิดการจดทะเบียนสำหรับเพื่อการขายฝาก
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
เป็นไปตามที่กรมที่ดินระบุ โดยทำขายฝากอสังหาริมทรัพย์ภายในช่วงเวลา 5 ปี นับจากวันที่ได้อสังหาริมทรัพย์มา จำเป็นต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ หรือสามารถติดต่อมาและสอบถามเสริมเติมได้ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่ดิน
อากรแสตมป์
เรียกเก็บจำนวนร้อยละ 50 สตางค์ โดยคำนวณจากเงินทุนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือราคาประเมินทุนทรัพย์ในวันที่จดทะเบียนไถ่ถอนจากขายฝากที่ดิน
เอกสารที่ต้องใช้ในการขายฝาก
เอกสารที่ผู้ขายฝากต้องใช้ระหว่างการดำเนินการ กรมที่ดินกำหนดให้ผู้ขายฝากเตรียมเอกสารเหล่านี้
- หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับจริง
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขายฝาก และใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
- ทะเบียนบ้าน
- ใบทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
การไถ่ถอนที่ดิน
ผู้ขายฝากที่ปรารถนาไถ่ที่ดินคืน สามารถไปวางทรัพย์ที่เป็นสินไถ่ไว้ในสำนักงานที่ดินได้ภายในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาขายฝาก หรือด้านในหกเดือนนับจากวันถึงกำหนดที่แจ้งเอาไว้ภายในสัญญาขายฝาก หรือถ้าผู้ขายฝากไม่อาจจะใช้สิทธิไถ่ด้วยสาเหตุใดๆที่ผู้ขายฝากมิได้ทำผิดสัญญาเอง ก็ให้ไปวางทรัพย์ก่อนถึงเวลาวันในสัญญา 30 วัน โดยทรัพย์สินที่วางควรจะเป็นจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในวันที่ทำสัญญาขายฝาก
ผู้มีสิทธิไถ่ถอน
- ผู้ขายเดิม หรือทายาทของผู้ขายเดิม
- ผู้รับโอนทรัพย์สิน หรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น
ขั้นตอนวางทรัพย์อันเป็นสินไถ่
สำหรับเพื่อการวางทรัพย์เพื่อไถ่ที่ดินคืน ผู้ขายฝากที่ดินสามารถติดต่อเพื่อวางทรัพย์เป็นสินไถ่ได้ที่สำนักงานที่ดินที่จดทะเบียนขายฝาก แล้วก็ สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงานที่ดินกรุงเทพ กรมที่ดินมีขั้นตอนให้ผู้ขายฝากกระทำตามสำหรับในการติดต่อขอวางทรัพย์ ดังต่อไปนี้
- ยื่นคำขอ ท.ด. 9 พร้อมกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง (หรือยื่นที่สำนักงานที่ดินอื่น แล้วแจ้งเพื่อให้พนักงานระบุข้อความด้วยตัวอักษรสีแดงว่า คำขอต่างสำนักงาน)
- ผู้ขายฝากแสดงเหตุผลที่ขอวางทรัพย์ไถ่ และกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับซื้อฝากปฏิบัติก่อนรับเงิน
- พนักงานจะพิจารณาสั่ง รับวางทรัพย์ หรือ ไม่รับวางทรัพย์
- รับใบสั่งจากพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วเอาทรัพย์ไปชำระที่การเงิน ต้องมีใบเสร็จทุกครั้งหลังทำรายการเสร็จ
- พนักงานลงบัญชีอายัดเพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนำที่ดินนั้นไปจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมอื่นๆ
- สำนักงานที่ดินทำหนังสือแจ้งผู้รับซื้อฝากมาขอรับสินไถ่ โดยผู้รับซื้อฝากต้องไปยื่นคำขอพร้อมหลักฐานเพื่อไปรับสินไถ่
- สำนักงานที่ดินทำหนังสือแจ้งผู้ขายฝากให้รับรู้ว่าผู้รับซื้อฝากมายื่นคำขอรับสินไถ่แล้ว
- ไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำรายการตามหนังสือระเบียบกรมที่ดิน
การขยายเวลาไถ่ถอน
ถ้าหากอยากเพิ่มเวลาไถ่ตามสัญญา ในขณะที่ยังอยู่ในสัญญาให้ผู้ขายฝากและก็ผู้รับซื้อฝากมาดำเนินการจดทะเบียนขยายตั้งเวลาไถ่ต่อพนักงานข้าราชการในสำนักงานที่ดิน และมีหรือไม่มีหนังสือหรือหลักฐานหนังสือลงนามของผู้รับซื้อฝาก การจดทะเบียนเพื่อเพิ่มเวลาไถ่จะทำจำนวนกี่ครั้งก็ได้ แต่ว่าจำต้องอยู่ด้านในระยะ 10 ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝากที่ดิน
ขายฝากที่ดินร้อยเอ็ด ที่ไหนได้เงินดี
การขายฝากที่ดินเป็นการทำนิติกรรมขายระหว่างผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก มีความน่าเชื่อถือสูงเพราะทำสัญญารับรองการขายต่อหน้าเจ้าหน้าที่พนักงาน ณ ที่สำนักงานที่ดิน ด้วยข้อตกลงว่าผู้ขายฝากสามารถมาไถ่ถอนที่ดินคืนได้ภายในเวลาที่กำหนด เหมาะกับเจ้าของที่ดินที่ไม่ต้องการขายขาดเหมือนกับการขายทั่วไป และได้วงเงินที่สูงมากกว่าการจำนองโดยจะได้ประมาณ 40 – 70% ของราคาประเมินทรัพย์
แต่เนื่องจากเป็นการขาย กรรมสิทธิ์ของที่ดินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที และการทำรายการแต่ละครั้ง ผู้ขายฝากต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายรายการซึ่งประกอบไปด้วย ค่าธรรมเนียม ภาษีรายได้ ภาษีเฉพาะ และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและ/หรืออากรแสตมป์ และหากผู้ขายฝากต้องการต่อสัญญาการขายไถ่ก็จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าภาษีใหม่อีกรอบ เป็นการเสียเงินที่ซ้ำซ้อนและอาจไม่คุ้มในระยะยาวหากต้องการเงินด่วนที่มาจากการขายที่ดิน เจ้าของที่ดินจึงอาจต้องพิจารณาถึงการใช้ที่ดินที่มีอยู่มาแปลงเป็นเงินสดในวิธีอื่นๆ อย่างเช่น สินเชื่อโฉนดที่ดิน ที่จะให้ค่าตอบแทนมากกว่า และไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกยิบย่อย
สรุป - ขายฝากที่ดินร้อยเอ็ด
การขายฝากที่ดินเป็นการขายแบบอย่างหนึ่งที่ผู้ขายฝากสามารถนำเงินไปไถ่ที่ดินคืนได้จากผู้รับซื้อฝาก การจดทะเบียนขายฝากและก็หนังสือสัญญา ทั้งยังผู้ขายฝากรวมทั้งผู้รับซื้อฝาก(คู่สัญญา) จำต้องมาทำต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่ดิน แนวทางการขายฝากก็เลยเป็นการทำสัญญาที่น่าไว้ใจ และก็ให้วงเงินที่สูงถึง 40-70% ของราคาประเมินที่ดิน
แต่วิธีการทำรายการแต่ละครั้ง จำต้องเสียค่าใช้จ่ายย่อยอีกเป็นค่าธรรมเนียม ค่าภาษีอากรเฉพาะ ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายรวมทั้งอากรณ์แสตมป์ ผู้ขายฝากยังจะต้องเสียค่าดอกที่บางทีอาจสูงสูงถึงจำนวนร้อยละ 15 ต่อปี หรือมากยิ่งกว่านั้นถ้าหากมีการเรียกเสริมเติมจากผู้รับซื้อฝาก ทั้งกรรมสิทธิ์ที่ดินก็จะแปลงเป็นของผู้รับซื้อฝากไปอย่างฉับพลันข้างหลังทำสัญญาเสร็จ ทำให้ผู้ขายฝากไม่มีอิสระสำหรับเพื่อการทำประโยชน์บนพื้นที่ดินนั้นถ้าเกิดว่าไม่มีการตกลงกันก่อน